วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เกษตรกรเฮ!!! “จุรินทร์” พบบริษัทปุ๋ยยักษ์ใหญ่ของซาอุชื่อ”ซาบิค” เจรจานำเข้าได้อีก 1 แสนตันในเดือนสิงหาคม

                     

เกษตรกรเฮ!!! “จุรินทร์” พบบริษัทปุ๋ยยักษ์ใหญ่ของซาอุชื่อ”ซาบิค” เจรจานำเข้าได้อีก 1 แสนตันในเดือนสิงหาคม 

วันที่ 31 สิงหาคม 2565 เวลา 8.30 น.นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  พร้อมด้วยผู้แทนภาครัฐและเอกชน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนภาคเอกชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการ พบหารือกับผู้บริหารบริษัท SABIC (Saudi Basic Industries Corporation) Mr.Yousef Abdullah Al-Benyan ตำแหน่ง CEO บริษัท SABIC และคณะ ที่บริษัท SABIC ประเทศซาอุดิอาระเบีย วานนี้(30 ส.ค.65)

นายจุรินทร์ กล่าวว่า SABIC ถือเป็นบริษัทผลิตปุ๋ยรายใหญ่รายหนึ่งของโลกและเป็นรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย หารือกับ CEO ของ SABIC ซึ่งบริษัทนี้ทำธุรกิจหลายด้านโดยเฉพาะปิโตรเคมี ปุ๋ย เคมีภัณฑ์และอื่นๆทั้งอุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น ซึ่งดำเนินกิจการมาแล้ว 50 ปี ถือเป็นอันดับหนึ่งในตะวันออกกลาง ค้าขายกับ 50 ประเทศทั่วโลก โดยไทยถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น และหลังจากฟื้นความสัมพันธ์ บริษัท SABIC ให้ความสัมคัญกับประเทศไทยเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย

ในเรื่องของปุ๋ยรัฐบาลซาอุดีอาระเบียต้องการอำนวยความสะดวกการเจรจา เพื่อให้ประเทศไทยสามารถนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียได้มากขึ้น อย่างน้อยนโยบายของตนตราบเท่าที่การแก้ปัญหาเรื่องราคาไม่ได้เพราะต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมากและปุ๋ยทำจากแก๊สธรรมชาติ เมื่อราคาแก๊สในตลาดโลกยังสูง ส่งผลให้ราคาปุ๋ยในตลาดโลกสูงขึ้นด้วย ซึ่งเราต้องนำเข้าปุ๋ยเกือบ 100% ต้นทุนการนำเข้าปุ๋ยในประเทศไทยจึงสูงขึ้นตามราคาปุ๋ยในตลาดโลกและราคาแก๊สในตลาดโลก รวมทั้งการขนส่งปุ๋ยเข้ามาต้องใช้น้ำมัน ทำให้ราคาปุ๋ยในประเทศมีราคาสูง แต่ในประเทศเราต้องแก้ปัญหา 2 ข้อ 1.เรื่องราคา 2.เรื่องปริมาณต้องไม่ให้ขาดแคลนสำหรับความต้องการใช้ของเกษตรกร

เรื่องราคาเราแก้ไขด้วยการจัดทำโครงสร้างราคาใหม่ โดยกรมการค้าภายในเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งทำเสร็จแล้วสอดคล้องกับต้นทุนที่เป็นจริงในการนำเข้า โดยดูจากใบอินวอยด์จริง ซื้อขายจริง ให้ยุติธรรมกับเกษตรกรที่เป็นผู้ใช้ปลายทางและผู้นำเข้า  

เรื่องปริมาณตอนนี้ถือว่าแก้ปัญหาลุล่วง เราเร่งเจรจากับซาอุดีอาระเบียนำเข้าปุ๋ย ซึ่งขณะนี้ทำสัญญาซื้อขาย นำเข้าปุ๋ยได้แล้วถึงเดือนกรกฎาคม จำนวน 323,000 ตัน และเดือนสิงหาคมนี้ มีการเจรจานำเข้าเพิ่มเติมอีก 102,000 ตัน รวมนำเข้าปุ๋ยจากซาอุฯ  425,000 ตัน และจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคม อย่างน้อยปัญหาขาดแคลนปุ๋ยไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่เรื่องราคายังต้องเป็นไปตามกลไกของราคาปุ๋ยในตลาดโลก 

ซึ่งรัฐบาลจะต้องจัดโครงการปุ๋ยราคาพิเศษช่วยเหลือเกษตรกรเป็นการเฉพาะ ตนได้สั่งการว่าจะทำอย่างไรให้กระทรวงเกษตรฯกับกระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกันแสวงหาแหล่งปุ๋ยราคาพิเศษ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จะพยายามเต็มที่ และจัดปุ๋ยราคาพิเศษให้กลุ่มเกษตรกร แต่ละรายเป็นราคาตลาด ซึ่งตนได้สั่งการไปแล้ว สำหรับซาอุดีอาระเบียเรานำเข้าปุ๋ยได้เยอะขึ้น เร่งรัดมากกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลไฟเขียวให้โอกาสเรานำเข้ามากขึ้นเดิม นำเข้าจาก SABIC เป็นหลัก ตอนหลังให้นำเข้าจากบริษัทมาเดน (MA'ADEN) ได้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งมาเดน ผลิตฟอสฟอรัสเป็นหลัก ส่วน SABIC ผลิตยูเรียเป็นหลัก จะนำเข้าฟอสฟอรัสกับยูเรียได้มากขึ้น ส่วนโพแทสเซียมหาจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม

“ซึ่งโครงการปุ๋ยราคาพิเศษได้ทำมาแล้วรอบหนึ่ง โดยใช้ความร่วมมือระหว่างสมาคมปุ๋ยแห่งประเทศไทยกับกระทรวงเกษตรฯและกระทรวงพาณิชย์ ปรับราคาปุ๋ยลง จากราคาตลาดกระสอบละ 20-50 บาท จำนวน 4,500,000 กระสอบ และมีอีกทางคือการช่วยสนับสนุนชดเชยราคาปุ๋ยให้กับเกษตรกรซึ่งรอการพิจารณาของฝ่ายต่างๆที่ดูแลด้านการเงินการคลังของประเทศอยู่” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แจ้งว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกปุ๋ยเคมีอันดับที่ 6 ของโลก ซึ่งปุ๋ยเคมีที่ซาอุดีอาระเบียส่งออกมากที่สุด ได้แก่ 1.ปุ๋ยผสม NPK 2.ปุ๋ยไนโตรเจน 3.ปุ๋ยโพแทสเซียม และประเทศที่ซาอุดีอาระเบียส่งออกปุ๋ยเคมีมากที่สุด ได้แก่ อินเดีย บังกลาเทศ บราซิล สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และไทย ผู้ส่งออกปุ๋ยเคมีรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบียคือ SABIC, Saudi Arabian Fertilizer Company (SAFCO) และ Saudi United Fertilizer Co. (Al-Asmida)







(นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) ข่าวทั่วไทยออนไลน์ น.ส.พ.ข้าแผ่นดินสยาม ข่าวคมชัด aec-tv-online  รอบวันทันข่าว น.ส.พ.เพื่อแผ่นดิน 0831671688 รายงาน


มณฑลทหารบกที่ 310 สานต่อกิจกรรมดูแลครอบครัวนักเรียน รร.ราชประชานุเคราะ 55 จังหวัดตาก ยอดกตัญญู นำชุดช่างจิตอาสาปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักอาศัยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมแรงสนับสนุนจากภาคเอกชน


มณฑลทหารบกที่ 310 สานต่อกิจกรรมดูแลครอบครัวนักเรียน รร.ราชประชานุเคราะ 55 จังหวัดตาก ยอดกตัญญู นำชุดช่างจิตอาสาปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักอาศัยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมแรงสนับสนุนจากภาคเอกชน 

จากเรื่องราวของ นางสาว วิภา ต้นน้ำลำธาร อายุ 17 ปี นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 55 หมู่ที่ 4 ตำบลแม่ท้อ  อำเภอเมือง จังหวัดตาก ได้เขียนจดหมายเรียงความแสดงความรู้สึกถึงคุณแม่ ส่งเป็นการบ้านถึงครูในวิชาเรียน จากข้อความสั้นๆดังกล่าว  ทำให้ครูประจำวิชาเรียนรู้สึกซาบซึ้งและประทับใจ  จึงได้ประสานผ่านมายัง พลตรี เทอดศักดิ์ งามสนอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 310 และได้มอบหมายให้ พันเอก เสมอ แจ่มใส เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 310 เป็นผู้แทนอาสาพานางสาว วิภา ต้นน้ำลำธาร นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะ 55 เดินทางกลับไปเยี่ยมคุณแม่ที่กำลังป่วย  ที่  บ้านเลขที่ 191 หมู่ที่ 3 ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก  ที่ผ่านมานั้น

 พลตรี เทอดศักดิ์ งามสนอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 310 มีความห่วงใยและปรารถนาที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตช่วยเหลือครอบครัวของ นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 55 ที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี จึงได้จัดชุดช่างและทหารจิตอาสาพระราชทาน ทำการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักอาศัยของ นางสาว วิภา  ต้นน้ำลำธาร นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 55 จังหวัดตาก ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากกิจกรรมเรียงความถึงแม่ของโรงเรียน โดยมี พันเอก เสมอ แจ่มใส เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 310 ให้แนวทางการปฏิบัติงานให้กับหัวหน้าชุดช่างและทีมงาน โดยได้กำหนดระยะเวลาในการทำการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักอาศัย ห้วงระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม -  7 กันยายน 2565 นี้ ซึ่ง เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 310 เน้นย้ำเรื่องการปฏิบัติตนระหว่างปฏิบัติภารกิจให้มีระเบียบวินัย และสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อหน่วยงาน ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยได้ทำการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ เครื่องมือ วัสดุต่างๆ สำหรับใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักอาศัยของนักเรียนและครอบครัวรายดังกล่าว และได้ทำการทำความสะอาดบริเวณพื้นบ้าน และรื้อถอนวัสดุอุปกรณ์ผนังที่ชำรุดทรุดโทรมออกเพื่อเตรียมการปรับปรุงใหม่ ตลอดจนมีภาคเอกชน ได้แก่  บริษัท ห้าแยกสุขภัณฑ์ สาขาตาก ร่วมสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการปรับปรุงซ่อมแซมตามกิจกรรมครั้งนี้ด้วย











ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3  (นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) รายงาน 0831671688


“ร่วมใจ ร่วมสร้าง บ้านพักเพื่อผู้ยากไร้” กองพลทหารม้าที่ 1 โดย กองพันทหารม้าที่ 28 กองพลทหารม้าที่ 1 ร่วมบูรณาการ “สร้างบ้านให้กับผู้ยากไร้”


“ร่วมใจ ร่วมสร้าง บ้านพักเพื่อผู้ยากไร้” กองพลทหารม้าที่ 1 โดย กองพันทหารม้าที่ 28 กองพลทหารม้าที่ 1 ร่วมบูรณาการ “สร้างบ้านให้กับผู้ยากไร้” 

กองพันทหารม้าที่ 28 กองพลทหารม้าที่ 1 จัดกำลังพลจิตอาสา "เราทำความดี ด้วยหัวใจ" ร่วมบูรณาการกับ สำนักงานโยธาธิการจังหวัดเพชรบูรณ์, องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกลาง, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนจิตอาสาในพื้นที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมสนับสนุนงบประมาณ, วัสดุอุปกรณ์ และกำลังพลเข้าช่วยเหลือสร้างบ้าน ให้กับครอบครัวผู้ยากไร้ ฐานะยากจน จำนวน 1 หลัง คือ บ้านของ นาย สำลี  พรมมา ณ บริเวณบ้านเลขที่ 149 หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านกลาง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ล่าสุดมีความคืบหน้าในการดำเนินการ 96 เปอร์เซ็นต์ และได้ดำเนินการสร้างบ้านเป็นวันที่ 24

ทั้งนี้หน่วยร่วมบูรณาการกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มขีดความสามารถ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 อย่างเคร่งครัด






ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3  (นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) รายงาน 0831671688


วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2565

หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 37จัดดำเนินการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1 - 3 ประจำปีการศึกษา 2565 ศูนย์ฝึกค่ายเม็งรายมหาราช เข้มมาตรการป้องกันโรคติดต่อ


หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 37จัดดำเนินการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1 - 3  ประจำปีการศึกษา 2565  ศูนย์ฝึกค่ายเม็งรายมหาราช  เข้มมาตรการป้องกันโรคติดต่อ 

🚩 หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 37จัดดำเนินการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1 - 3  ประจำปีการศึกษา 2565  ศูนย์ฝึกค่ายเม็งรายมหาราช  โดยก่อนการฝึกปฏิบัติได้มีการตรวจคัดกรองและบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้แก่นักศึกษาวิชาทหาร ผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จากนั้น นำนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1 - 3 เข้ารับฟังคำชี้แจงก่อนเริ่มการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า, การออกกำลังกายบริหารประจำวัน รวมถึงการจัดกิจกรรมพัฒนาทำความสะอาดพื้นที่ฝึก⏱️ เป็นประจำก่อนการเลิกการฝึกในทุกครั้ง ⛑️โดยการปฏิบัติเน้นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ตลอดการฝึก























ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3  (นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) รายงาน 0831671688


“อลงกรณ์”ร่วมเสวนา”สภาผู้แทนฯ.”ชู5ยุทธศาสตร์”เฉลิมชัย”ปฏิรูปภาคเกษตรแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรเน้นแปรรูปสู่เกษตรมูลค่าสูง

                         

“อลงกรณ์”ร่วมเสวนา”สภาผู้แทนฯ.”ชู5ยุทธศาสตร์”เฉลิมชัย”ปฏิรูปภาคเกษตรแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรเน้นแปรรูปสู่เกษตรมูลค่าสูง 

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เกียรติร่วมเป็นวิทยากรการสัมมนาและบรรยายในหัวข้อเรื่อง”การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรโดยการเพิ่มมูลค่าด้านการผลิตการแปรรูป และการตลาด” ร่วมกับ นายวีระกร คำประกอบ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมมาธิการ นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน และมีนายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ เป็นผู้ดำเนินรายการเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการผลิต การแปรรูป และการตลาด ของผลผลิตทางการเกษตรให้แก่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ จำนวน 200 คน ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อ29ส.ค. ณ ห้องประชุมสัมมนา B 1-1 ชั้น B 1 อาคารรัฐสภา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง ข้อเสนอแนะ และระดมข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการเพิ่มมูลค่าด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาด เพื่อแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลทางการเกษตร และยกระดับรายได้เกษตรกรให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ  

     นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ในฐานะประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรอันดับ13ของโลกทำให้สินค้าเกษตรของไทยต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศเป็นหลัก

โดยเฉพาะวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบต่อราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก เช่นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ( Climate Change )การแพร่ระบาดของโควิด -19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้ปุ๋ยเคมี น้ำมันเชื้อเพลิง และวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาแพงทำให้ต้นทุนกาคผลิตภาคการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น

    การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรจึงต้องขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์และแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนที่เรียกว่า”คานงัด”เพื่อรับมือกับสถานการณ์ความผันผวนของโลก

     กระทรวงเกษตรฯ.จึงสร้างคานงัดเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนแบบองค์รวมเป็นกลไกแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพภาคเกษตรของไทยจากต้นน้ำถึงปลายน้ำภายใตั 5 ยุทธศาสตร์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้แก่ 1) ตลาดนำการผลิต 2) เทคโนโลยี่เกษตร 4.0 3) ”3 S”เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคงและเกษตรยั่งยืน 4) เกษตรกรรมยั่งยืน และ 5) บูรณาการทำงานเชิงรุกกับทุกภาคส่วนโดยมีตัวอย่าง คานงัด ที่ดำเนินการเช่น

1. การสร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้านเกษตร อาทิ การเจรจาความร่วมมือกับประเทศเวียดนามเพื่อยกระดับราคาข้าวในตลาดโลก ถือเป็นความสำเร็จในการสร้างความร่วมมือของ2ประเทศในฐานะประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวอันดับที่ 2 และ 3 ของโลก โดยตั้งกลไกในการขับเคลื่อน เพื่อร่วมกันสร้างอำนาจการต่อรองราคาข้าวในตลาดโลก หรือการยกระดับความร่วมมือกับซาอุดีอาระเบีย และดูไบในการขยายตลาดสินค้าเกษตรในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาและยุโรป

2. ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต “เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด”ในรูปแบบ online-offline ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ.กับกระทรวงพาณิชย์โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ รวมทั้งความร่วมมือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

3. สร้างโอกาสตลาดใหม่และลดต้นทุนโลจิสติกส์ด้วยแนวทาง”เชื่อมไทย เชื่อมโลก”เช่น กรณีรถไฟจีน-ลาวขนส่งสินค้าเกษตรไปจีนและร่วมมือกับคาซัคสถาน และดูไบในโครงการท่าบกคอคอสเป็นชุมทางรถไฟบริเวณพรมแดนจีน-คาซัคสถานเพื่อขนส่งจากอีสานเกตเวย์ไปเอเซียกลาง ตะวันออกกลาง และยุโรป

4. เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ด้วยนโยบายเทคโนโลยีเกษตรและนโยบายคุณภาพและมาตรฐาน เช่น การจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(ศูนย์AIC)ทุกจังหวัดโดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาไทยยกระดับการผลิตอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน

5. การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มสร้างแบรนด์สู่เกษตรมูลค่าสูง เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่ง/(กรกอ.)ร่วมเดินหน้าโครงการ 

”1 กลุ่มจังหวัด1นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร” เพื่อกระจายฐานตลาดและฐานการแปรรูปสินค้าเกษตรใน18กลุ่มจังหวัดครอบคลุมทั่วประเทศและโครงการ”เกษตรแม่นยำ 2 ล้านไร่”และขยายเป็น 5 ล้านไร่เพื่อให้สินค้าเกษตรมีตลาดอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นและมีผลิตภัณฑ์เกษตรมากขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น

6. ริเริ่มเพิ่มสินค้าเกษตรทางเลือกใหม่แทนสินค้าเกษตรเชิงเดี่ยวที่มีปัญหาด้านราคาด้วยนโยบายอาหารแห่งอนาคต(Future Food)เช่น แมลง โปรตีนพืช สาหร่าย ผำ ฮาลาล

7. สร้างกลไกขับเคลื่อนแบบบูรณาการทำงานเชิงรุกทุกภาคีภาคส่วนบนหลักการหุ้นส่วน(Partnership)ระหว่างภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการและภาคเกษตรกรไม่ใข่ต่างคนต่างทำ โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายทุกชุดของกระทรวงเกษตรฯ.ใช้โมเดลทำงานและองค์ประกอบ4ฝ่าย

8. บริหารด้านอุปสงค์และอุปทาน( Supply Side & Demand Side management)เพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตรเช่น กรณียางพารามีการลดพื้นที่ปลูก1แสนไร่ทุกปีพร้อมกับขยายตลาดใหม่ๆ เข่นเดียวกับข้าวที่ปลูกในพื้นที่ไม่เหมาะสมให้ผลผลิตต่ำแต่ลงทุนสูงขาดทุนต่อเนื่องโดยปรับเปลี่ยนไปสู่พืชทางเลือกที่มีตลาดเช่นถั่วเขียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฯลฯทั้งยางพาราและข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่ไทยส่งออกเป็นอันดับ1และ2ของโลกแต่ราคาไม่แน่นอนผันผวนตลอดมาจึงต้องบริหารทั้งปริมาณผลผลิตและตลาดไปพร้อมๆกัน

9. การพัฒนาและบริหารปัจจัยการผลิตและเครื่องจักรกลการเกษตร เช่น เมล็ดพันธ์ุ ปุ๋ย และพลังงาน ยกตัวอย่างในภาวะปุ๋ยแพงได้ส่งเสริมปุ๋ยอินทรีย์และ ลดการใช้ปุ๋ยเคมีโดยส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ มีการจัดตั้งสภาเกษตรอินทรีย์ PGS แห่งประเทศไทยสำเร็จเป็นครั้งแรก หรือโครงการข้าวอินทรีย์1ล้านไร่ รวมทั้งการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันเช่นไบโอดีเซล และแก๊สโซฮอลล์ (เอทานอล)แปรรูปจากปาล์มน้ำมัน อ้อยและมันสำปะหลัง หรือการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีเกษตรเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต

10. การปฏิรูปการบริหารและบริการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านการบริหารราชการแผ่นดินและด้านการให้บริการประชาชนด้วยโครงการพัฒนา22หน่วยงานด้วยระบบดิจิตอล(Digital Transformation)และศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ(ระบบบิ๊กเดต้า)รวมทั้งระบบNSWและลายเซ็นดิจิตอล(Digital Signature) โดยตั้งเป้าหมายให้กระทรวงเกษตรฯ.ซึ่งรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาและพัฒนาภาคเกษตรกรรมของไทยต้องเป็นกระทรวงที่มีประสิทธิภาพและศักยภาพในการรับมือกับโจทย์ปัจจุบันและอนาคต

   ตัวอย่าง10คานงัดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแบบองค์รวมเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรพร้อมกับสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูงในตลาดโลกจะทำให้เกษตรกรและประเทศมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างยั่งยืน.






 

(นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) ข่าวทั่วไทยออนไลน์ น.ส.พ.ข้าแผ่นดินสยาม ข่าวคมชัด aec-tv-online  รอบวันทันข่าว น.ส.พ.เพื่อแผ่นดิน 0831671688 รายงาน

"แม่ทัพเติ่ง" พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ร่วมบัญชาการในวอร์รูม อย่างใกล้ชิด สั่งการทุกหน่วยปฏิบัติการ เข้าสู่โหมด "รบทุกมิติ"

"แม่ทัพเติ่ง" พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ร่วมบัญชาการในวอร์รูม อ...